มีหลายคนชอบถามมาว่า ชีวิตในวัยเด็กของผมเรียนหนังสือหนักไหม? เรียนยังไงบ้าง? ทำยังไงถึงเรียนเก่งได้เป็นตัวแทนคณิตศาสตร์โอลิมปิก?
แต่อยากจะบอกว่า ตัวผมเองไม่ใช่เด็กที่ตั้งใจเรียนเหมือนภาพที่คนทั่วไปนึกถึง ไม่เคยได้เกรด 4.00 ไม่ได้เรียนเก่งทุกวิชา จะมีจุดแข็งแค่วิชาคณิตศาสตร์กับวิชาฟิสิกส์ และวิชาทางสายวิทยาศาสตร์ ส่วนวิชาภาษาไทย สังคม ส่วนใหญ่จะได้เกรด 3 สอบก็แค่พอผ่าน
ประถมเรียนอยู่ที่โรงเรียนสาธิตเกษตรฯ บางเขน วิชาเลขเป็นวิชาที่ถนัดมาตั้งแต่เด็ก จำได้ว่า ตอนอยู่ชั้นป. 4 ชอบการท่องสูตรคูณ ชอบซ้อมฝึกคูณให้เร็วๆโดยที่ไม่ต้องมีใครบังคับด้วยซ้ำไป รู้สึกท้าทายที่จะทำให้การคูณถูกต้องและรวดเร็วมากขึ้นเรื่อยๆ ชอบเกม 24 ชอบเล่นหมากรุกทั้งไทยและสากล เล่นแทบทุกวันตอนพักเที่ยง
ส่วนเลิกเรียนก็ไปวิ่งเล่นกับเพื่อนในสนาม เล่นดีดลูกแก้ว และช่วงประถมปลาย ก็มีไปเล่นบาสเก็ตบอล ในช่วงการเรียนระดับประถม ไม่ได้มีจุดเด่นอะไร เป็นนักเรียนทั่วไปที่ทำคณิตศาสตร์ได้ดีในระดับหนึ่งแต่ก็ไม่ได้เก่งที่สุด ไปสอบแข่งขันสมาคมคณิตศาสตร์ก็ได้เพียงรางวัลชมเชย นอกจากเรียนที่โรงเรียน ก็มีทำโจทย์ในหนังสือคณิตศาสตร์ประถมเล่มเล็กๆ 1 เล่มที่คุณพ่อซื้อมาให้ทำ แต่ก็ไม่เคยทำเสร็จ ไม่ได้เน้นเรียนพิเศษวิชาการ เน้นเรียนพิเศษดนตรี กีฬาเป็นหลัก
จากพื้นฐานการบวกลบคูณหารจำนวนเต็มที่ค่อนข้างทำได้แม่นยำและรวดเร็ว เลยทำให้การเรียนเลขในระดับมัธยมต้นไม่มีปัญหา แต่การสอบแข่งขันก็ยังคงอยู่ในระดับทั่วไป ไม่ได้มีจุดเด่นอะไร และก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นคนเก่ง เคยมีเพื่อนบอกว่า “ลิ้มเนี่ยเก่งแค่วิชาเดียวก็คือวิชาเลข” ซึ่งก็จริง
ในช่วงมัธยมต้น ช่วงนั้นบ้าเล่นกีฬา เป็นนักกีฬาบาส ต้องซ้อมบาสทุกเย็น จนถึงหนึ่งทุ่ม กลับบ้านไปก็แทบไม่ได้ทำการบ้าน ทำแค่พอทำเสร็จ สำหรับแบบฝึกหัดคณิตศาสตร์ก็ไม่ได้อ่านเพิ่มเติม มีหนังสือที่คุณพ่อซื้อมาพยายามบังคับให้ทำทุกๆวันแต่ก็ไม่ค่อยได้ทำเท่าไหร่
ถึงแม้จะไม่ได้ให้เวลากับคณิตศาสตร์มากนักในตอน ม.ต้น แต่ตัวเองมีนิสัยที่ว่าทุกขั้นตอนที่ได้เรียนรู้ใหม่ จะมีความสงสัยอยู่ตลอดเวลาว่าทำไมต้องเป็นเช่นนั้น แล้วลองทำคนละวิธีกับที่ตัวอย่างสอน หรือพิสูจน์สิ่งต่างๆ เพื่อลดสิ่งที่ตัวเองต้องจดจำ วิธีการเรียนของผมเป็นวิธีการเรียนโดยการใช้การอ่าน เป็นคนที่ไม่สามารถเรียนโดยการฟังหรือให้ครูมาพูดสอนได้ (ถึงแม้จะตั้งใจฟัง ก็จะฟังไม่รู้เรื่องอยู่ดี) ดังนั้นช่วงเวลาทั้งหมดที่โรงเรียนจึงหมดเวลาไปกับการนั่งเล่นกับเพื่อน ไม่ค่อยได้ตั้งใจฟังครูสอน สมุดโน้ตทุกอย่างว่างเปล่า ไม่เคยจดยกเว้นครูสั่งให้จด มองย้อนกลับไป คิดว่านิสัยนี้เป็นจุดได้เปรียบสำหรับการเรียนคณิตศาสตร์เพราะว่า
คณิตศาสตร์เป็นวิชาที่ต้องอาศัยทักษะมิติสัมพันธ์ เน้นการมองเห็นมากกว่าการฟัง (อย่างน้อยสำหรับทักษะด้านพีชคณิต) และเน้นทักษะการเรียนรู้ด้วยตัวเอง ซึ่งต้องนำไปใช้ต่อยอดในการแก้โจทย์ต่างๆที่นอกเหนือจากที่ครูเคยสอนหรือเคยเห็นมา
การที่ได้เรียนรู้ด้วยตัวเอง อ่านศึกษาเองตลอดเวลาจึงทำให้ทักษะด้านนี้แข็งแรงและไม่เคยยอมแพ้กับโจทย์ใหม่ๆ บางครั้งต้องใช้เวลาแก้โจทย์ ทำไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเจอคำตอบ บางข้ออาจจะใช้เวลาเป็นวัน หรือหลายวัน ทำอยู่ข้อเดียว ทุกข้อที่ทำได้ต้องเข้าใจอย่างถ่องแท้ทุกมุม ไม่ว่าจะเป็นวิธีการที่เราค้นพบหรือวิธีการอื่นที่อาจมีและอาจจะคิดได้เร็วกว่านี้
ไม่เคยเน้นสูตรลัด เน้นจำสูตรให้น้อยที่สุดที่เป็นไปได้ อาจจะด้วยว่าตัวเองไม่ได้มีความจำดีเท่าไหร่ แต่เป็นคนที่หากจำได้จะจำได้นาน และไม่เคยลืม จึงทำให้ในปัจจุบันก็ยังจำทฤษฎีบทต่างๆที่เรียนมาตอนมัธยมได้
การได้โอกาสมาทำ theMYMATH เลยพยายามปลูกฝังในสิ่งที่เรียกว่า การเรียนรู้ด้วยตัวเอง ให้กับน้องๆ โดยเราให้น้องๆทำความเข้าใจกับตัวอย่าง คำใบ้ แบบฝึกหัด และลองผิดลองถูกทำโจทย์ด้วยตัวเอง ซึ่งหากน้องทำได้ก็จะได้รับความภูมิใจและมั่นใจในการทำโจทย์ที่ยากขึ้นไปด้วยตัวเอง และไม่ยอมแพ้กับโจทย์ที่ไม่เคยเจอมาก่อน
พอจบมัธยมต้นก็ไปสอบเข้าโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาซึ่งตอนแรกไม่ได้คิดว่าจะไปสอบ ไม่ได้เตรียมตัวสอบเลย มีไปเรียนพิเศษหนึ่งครั้งก่อนสอบและที่ได้เรียนเพราะเพื่อนเขาตัดสินใจไม่สอบก็เลยได้ไปเรียนแทนเพื่อน ปรากฏว่าสอบติดได้อันดับที่ดีพอสมควร อาจจะเพราะทักษะคณิตศาสตร์ที่ดีและโจทย์ข้อสอบคณิตศาสตร์ที่ยาก เพื่อนๆที่สอบติดก็เลยมาชวนว่าควรจะไปเรียนที่ต่อที่โรงเรียนเตรียมอุดมศีกษา
หลังจากที่ได้เข้าเรียนที่เตรียมอุดมศึกษาในห้อง Gifted Math (กิฟเลขรุ่น 1) ก็ได้พบกับเพื่อนเก่งๆหลายๆคน ซึ่งทำให้รู้สึกว่าโลกนี้มันช่างกว้างใหญ่ หลายๆคนเรียนล่วงหน้าไปไกล แต่เราไม่เคยเรียนล่วงหน้า ก็เลยใช้เวลาช่วงม. 4 เทอม 1 นั่งอ่านหนังสือคณิตศาสตร์ตั้งแต่ม. 4 ม. 5 ม. 6 จนถึงแคลคูลัสระดับมหาวิทยาลัยด้วยตัวเอง เวลาที่ใช้อ่านก็คือ เวลาเรียนวิชาอื่นๆที่โรงเรียน โดยไม่ได้ฟังครูสอนวิชาอื่นเลย เลิกเรียนก็ยังคงรวมกลุ่มกับเพื่อนๆเล่นบาสเหมือนเดิม มีไปเรียนพิเศษบ้าง แต่ก็ไม่ได้เรียนพิเศษเลข
ไม่ได้บอกว่าวิธีเรียนแบบนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุดสำหรับนักเรียนทุกคน แต่มันเป็นวิธีที่ผมใช้แล้วได้ผล การเรียนรู้ด้วยตัวเอง การทำความเข้าใจกับตัวอย่างและทำโจทย์แบบฝึกหัดที่ท้าทายจากตัวอย่างที่มี การพิสูจน์ทฤษฎีบทต่างๆทำให้พื้นฐานทางคณิตศาสตร์แน่น แม่นยำ และทำโจทย์ทำได้รวดเร็ว รอบคอบ โรงเรียนเตรียมอุดมมีข้อดีมากกว่าตอนอยู่ที่โรงเรียนสาธิตเกษตรฯ คือมีเพื่อนที่เก่งมากๆ ทำให้เราตื่นตัวตลอดเวลา ข้อสอบที่โรงเรียนยาก (หลายคนเข้าใจผิดคิดว่าโรงเรียนเตรียมอุดมสอนดีที่สุด แต่จริงๆแล้วผมคิดว่าน่าจะเป็นโรงเรียนที่มีเด็กเก่งและข้อสอบยากที่สุดโรงเรียนหนึ่งของประเทศ จึงทำให้เด็กต้องขวนขวายศึกษาเอง) มีศูนย์หนังสือจุฬาฯที่มีหนังสือต่างๆมากมาย ผมมีหนังสือข้อสอบมากมายหลายเล่มซึ่งทำเสร็จไปหลายเล่ม รวมทั้งหนังสือรวมโจทย์ของเตรียมอุดมที่แต่ละบทมีมากกว่า 100-200 ข้อก็ทำจนเสร็จหมด
ผมได้ฝึกซ้อมโจทย์คณิตศาสตร์ระดับมัธยมปลายปริมาณมาก (น่าจะมากกว่าคนปกติทั่วไปหลายเท่า) การฝึกฝน นี้ไม่ได้รู้สึกว่าถูกบังคับ แต่รู้สึกว่าสนุกกับมันเพราะสำหรับคณิตศาสตร์ ความสนุกจะอยู่ที่การที่เราสามารถแก้โจทย์ที่ตอนแรกมองว่ายากได้ มองคณิตศาสตร์เหมือนเป็นเกมอย่างหนึ่งที่มีความท้าทาย และมีรางวัลเป็นความรู้สึกที่ดีที่เรา สามารถทำมันได้ หลายๆคนที่ชอบคณิตศาสตร์ก็มักชอบด้วยเหตุผลนี้ ส่วนหลายคนที่ไม่ชอบก็น่าจะไม่ชอบเพราะว่าตัวเขาเองไม่เคยผ่านจุดที่เขาสามารถทำมันได้ด้วยตัวเองแล้วภูมิใจ
มันเลยเป็นที่มาที่ theMYMATH เราพยายามปูพื้นฐานของนักเรียนด้วยการให้นักเรียนเรียนรู้ด้วยตัวเองเพื่อสร้างพื้นฐานที่แน่นและมั่นคงเพื่อให้พวกเขา สามารถไปทำโจทย์ต่างๆที่อาจจะอยู่ในระดับของเขาหรือสูงกว่าได้ และหากเขาทำได้ ก็จะสร้างความมั่นใจและความภาคภูมิใจ และก็จะสามารถทำให้พวกเขาสามารถนำนิสัยนี้ไปต่อยอดในการเรียนคณิตศาสตร์ระดับสูงขึ้นมาได้
สุดท้ายนี้ไม่ได้บอกว่าทุกคนต้องเก่งคณิตศาสตร์ หรือเก่งคณิตศาสตร์แล้วจะประสบความสำเร็จ แต่อยากบอกเล่าวิธีการเรียนของตัวเองสมัยเด็ก หากผู้อ่านสนใจเรื่อง การเรียนรู้ด้วยตัวเองและการฝึกซ้อมคณิตศาสตร์โดยการทำโจทย์ปริมาณมาก ก็สามารถติดต่อขอรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับระบบของเราได้นะครับ
ติวเตอร์คณิตศาสตร์ผู้มีชื่อเสียงของเราแชร์ประสบการณ์ชีวิต การพัฒนาทักษะคณิตศาสตร์พื้นฐานสามารถวางรากฐานสำหรับความสำเร็จในคณิตศาสตร์ขั้นสูงได้อย่างไร